ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 14 ก.พ. อย่างไม่เป็นทางการปรากฏออกมาแล้วว่า “ปราโบโว ซูเบียนโต” วัย 72 ปี ชนะการเลือกตั้งไปได้ด้วยคะแนนเสียงเกือบ 60% ซึ่งมากพอที่จะทำให้เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว หลังมีการนับคะแนนไปแล้วประมาณ 85%
ส่วนรองประธานาธิบดี ก็คือ กิบราน รากาบูมิง รากา ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของอดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งหมดวาระไปอย่าง โจโก วิโดโด
“ปูติน” เผย สหรัฐฯ ภายใต้ “ไบเดน” ดีกว่าสหรัฐฯ ที่ “ทรัมป์” ปกครอง
เกาหลีเหนือเผยโฉม “ปาดาซูริ-6” ขีปนาวุธพื้นสู่ทะเลชนิดใหม่
เมียนมาเรียกทหารปลดประจำการกลับเข้ากองทัพ
ปราโบโวกล่าวว่า ตัวเขาและกิบรานจะบริหารประเทศ “เพื่อประชาชนชาวอินโดนีเซียทุกคน”
เขากล่าวว่า “แม้เราจะรู้สึกขอบคุณ แต่เราต้องไม่เย่อหยิ่ง เราต้องไม่ร่าเริงเกินเหตุ เราต้องถ่อมตัว ชัยชนะครั้งนี้จะต้องเป็นชัยชนะของชาวอินโดนีเซียทุกคน … ผมจะเป็นผู้นำร่วมกับยิบรานเพื่อดูแลและปกป้องผู้คนในอินโดนีเซียทุกคน โดยไม่คำนึงถึงชนเผ่า ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ ศาสนา และภูมิหลังทางสังคม ชาวอินโดนีเซียเป็นความรับผิดชอบที่เราจะต้องปกป้อง”
คณะกรรมการการเลือกตั้งอินโดนีเซียจะประกาศผลการลงคะแนนเสียงและเผยแพร่ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในเดือน มี.ค.
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลกและมีประชากรมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประชาชนมากกว่า 200 ล้านคนใน 38 จังหวัด มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ถือเป็นการเลือกตั้งในวันเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยผู้ลงคะแนนเสียงที่เป็นคนรุ่นใหมม่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการลงคะแนนเสียงในปีนี้ โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ลงคะแนนมีอายุต่ำกว่า 40 ปี
“ปราโบโว ซูเบียนโต” คือใคร?
ปราโบโวมาจากครอบครัวนักการเมืองชนชั้นสูง โดยพ่อของเขาเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังและการค้า ส่วนปู่ของเขา เป็นผู้ก่อตั้งธนาคารของรัฐ Negara Indonesia และเป็นผู้นำสภาที่ปรึกษาประธานาธิบดี
อดีตของปราโบโวยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเมื่อครั้ง “ซูฮาร์โต” (Suharto) เผด็จการผู้ล่วงลับและพ่อตาของเขา ยังเรืองอำนาจอยู่ ซึ่งเขาเจอข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ว่าอาจมีส่วนในการหายตัวไปของนักกิจกรรมทางการเมืองหลายคนในเวลานั้นคำพูดจาก สล็อตวอเลท
เขาลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนนายร้อยทหารบกของอินโดนีเซียในปี 1970 และก้าวขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ โดยเขาเป็นผู้นำในภารกิจปราบปรามกลุ่มที่สนับสนุนเอกราชในช่วงที่อินโดนีเซียยึดครองติมอร์ตะวันออก
นอกจากนี้ เขายังถูกกล่าวหาว่าสั่งลักพาตัวนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในช่วงเดือนสุดท้ายของระบอบเผด็จการของซูฮาร์โต
แต่เมื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง เขาก็ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองเป็นผู้สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย และสร้างคาแรคเตอร์ “คุณปู่ที่เป็นมิตรและเชื่อถือได้” และมีบทบาทสำคัญในการเมืองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
เขาเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 2 ครั้ง ในปี 2014 และ 2019 แต่แพ้ให้กับประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ทั้งสองครั้ง แต่หลังจากนั้นวิโดโดก็นำปราโบโวเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ทำให้จากคู่แข่งกลายมาเป็นมิตรกัน
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ปราโบโวก็ได้รับการสนับสนุนจากวิโดโด และเมื่อประกอบกับการที่มีการเสนอชื่อกิบราน ลูกชายของเขา ให้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ก็ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อวิโดโดเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าเขาเข้ามาแทรกแซงและใช้อำนาจในทางมิชอบ เพื่อสนับสนุนปราโบโวและลูกชาย
ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า ความนิยมของปราโบโวเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2019 โดยส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่ชื่นชอบวิโดโด
อินโดนีเซียในยุคของวิโดโดนั้น มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าประทับใจ แต่อินโดนีเซียกลับถอยหลังในเรื่องสิทธิมนุษยชนและการคอร์รัปชันในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง
ด้วยเหตุนี้ การที่ปราโบโวจะเข้ามาสืบทอดตำแหน่งของวิโดโด จึงถูกนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ค่อนข้างน่ากังวล
ลอรา ชวาร์ตซ์ นักวิเคราะห์อาวุโสประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของบริษัทข่าวกรองความเสี่ยง เวริสก์ เมเปิลครอฟต์ กล่าวว่า “ข้อกังวลเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของปราโบโวจะมุ่งเน้นไปที่ความเสี่ยงในการเพิ่มการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงการที่เขาเคยสนับสนุนให้ยกเลิกการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ยุติการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง และจำกัดการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน … ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของอินโดนีเซียและความสามารถในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ”
ด้าน แซคารี อาบูซา ศาสตราจารย์ด้านการเมืองและความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วิทยาลัยการสงครามแห่งชาติ บอกว่า “ปราโบโวทำงานอย่างหนักจริง ๆ เพื่อสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ และล้างบาปในอดีตของเขา”
เขาเสริมว่า การมีอดีตนายทหารเป็นผู้ถือหางเสือเรือของประเทศอาจส่งสัญญาณการกลับไปสู่ยุคมืดมนของการปกครองแบบเผด็จการ
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนบอกว่า ผลการเลือกตั้งในปีนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับมาของการเมืองแบบสืบทอดอำนาจ และพวกเขาหวาดกลัวการกลับคืนสู่การปกครองแบบเผด็จการ “เราไม่ต้องการสูญเสียประชาธิปไตยที่เราต่อสู้มาด้วยเลือดและน้ำตา”
เรียบเรียงจาก CNN
เช็กสถิติหวยออกย้อนหลัง 15 ปี งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์
กทม.เตือนฝุ่น PM 2.5 เช้านี้ ทะลุระดับสีแดง 17 เขต!
งานนี้พระจะไม่ยุ่ง! ไม่ขอเป็นพยานให้ป้าฮุบบ้านปมคดีครอบครองปรปักษ์