รายข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนในเดือน ธ.ค.65 นี้ คาดว่า ดัชนีเคลื่อนไหวที่ 1,685-1,720 จุด จากเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นกว่าหลายประเทศ อาทิ ดุลบัญชีเดินสะพัดมีสัญญาณการขาดดุลลดลงทั้งจากดุลการค้าดีขึ้น จากการนำเข้าต้นทุนพลังงานที่ราคาเริ่มลดลง และดุลบริการปรับตัวดีขึ้น หลังจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการเดินทางข้ามพื้นที่ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังฟื้นตัว และช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะมีแพ็กเกจใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ อาทิ ช้อปช่วยชาติ เป็นต้น อีกทั้งเงินทุนต่างชาติคาดว่าจะไหลเข้าต่อเนื่อง
นอกจากนี้แรงกดดันจากตลาดการเงินโลกดูผ่อนคลายลงมาระดับหนึ่งแล้ว โดยที่เงินเฟ้อหลายประเทศเริ่มแผ่วลง เงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน และไทยชะลอลงมา 2 เดือนติดต่อกัน จึงคาดว่าหลังจากนี้มีแนวโน้มลดลงจนอยู่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ตลาดคาดกาณณ์ช่วงกลางปีหน้า เช่นเดียวกับเงินเฟ้อไทยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าจะเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ในปีหน้า ขณะที่ดอกเบี้ยเริ่มเข้าใกล้จุดที่เหมาะสม แม้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย0.75%มาอยู่ที่4%ในเดือน พ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. แต่ในปีหน้าการขึ้นดอกเบี้ยถูกจำกัดอยู่ที่ระดับ5.25%
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนเดือน ธ.ค.65 ว่า ตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยกระตุ้นจากภาครัฐเข้ามาสร้างสีสันในตลาดได้บ้าง อาทิ การออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งอาจทำให้กลุ่มหุ้นในประเทศยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจต่อไปหากต้องเลือกลงทุน ส่วนการเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานั้น มองว่าเป็นเงินร้อนที่เข้ามาเก็งกำไรเงินบาทจากประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งต่อจากนี้อาจเริ่มเบาบางลงหากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ จึงคาดว่าดัชนีหุ้นจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,580 จุด แนะนำลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งในระยะสั้นได้ประโยชน์จากทั้งเงินบาทแข็ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลง และต้นทุนพลังงานลดลง, กลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ เก็งกำไรรับมาตรการช้อปดีมีคืน ที่จะออกมาในช่วงต้นปีหน้า, กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อเก็งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น อาทิ กลุ่มสายการบินจะได้รับความรู้สึกเชิงบวกจากเงินบาทแข็งค่า รวมไปถึงกลุ่มบริหารหนี้ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นเช่นกัน.